แฟชั่นผ้าไหมไทยสุดอลัง “มหกรรมผ้าไหม ไหมไทยสู่เส้นทางโลก ครั้งที่ 14” ครม. -ผู้แทนรัฐบาลไทย -คณะทูตกว่า 88 ประเทศ โชว์แฟชั่นผ้าไหม ฝีมือดีไซเนอร์รุ่นใหม่ สะท้อนเอกลักษณ์ไทยผ่านดีไซน์ร่วมสมัย ปลุกพลัง Soft Power ชูเสน่ห์ผ้าไหมไทยเฉิดฉายสู่สากล
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2568 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิดงาน “มหกรรมผ้าไหม ไหมไทยสู่เส้นทางโลก ครั้งที่ 14” มีคณะรัฐมนตรี เอกอัครราชทูตและคู่สมรสกว่า 88 ประเทศ นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวสกาวใจ พูนสวัสดิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางรักชนก โคจรานนท์ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม นายกสมาคมส่งเสริมผ้าไหมและวัฒนธรรมไทย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา นิสิต นักศึกษา และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ หอประชุมกองทัพเรือ
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศลเปิดเผยว่า การจัด “มหกรรมผ้าไหม ไหมไทยสู่เส้นทางโลก ครั้งที่ 14” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 47 พรรษา พร้อมเปิดประตูวัฒนธรรม นำผ้าไหมไทยสู่สายตานานาชาติ สร้างสรรค์เศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า การจัดงานนี้ไม่เพียงเป็นการสืบสานพระราชปณิธานในการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญภายใต้นโยบาย Soft Power ของรัฐบาล ที่มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้ชุมชนท้องถิ่น โดยมี ผ้าไหมไทย เป็นตัวแทนถ่ายทอดอัตลักษณ์และความงามของชาติ ที่สะท้อนรากเหง้าวัฒนธรรมอันยาวนาน และได้รับการผสมผสานอย่างสร้างสรรค์ ผ่านผลงานร่วมสมัยของคนรุ่นใหม่
“วธ.ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมผ้าไหมในทุกมิติ ตั้งแต่การยกระดับฝีมือช่างทอผ้าท้องถิ่น การส่งเสริมการออกแบบลวดลายและแฟชั่นใหม่ ๆ รวมถึงการเปิดเวทีให้นักออกแบบรุ่นใหม่ได้แสดงผลงานสู่สายตานานาชาติ โดยงาน มหกรรมผ้าไหม ไหมไทยสู่เส้นทางโลก ครั้งนี้จะเป็นเวทีสำคัญที่เชื่อมโยงช่างทอและนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลก พร้อมผลักดันบทบาทการทูตเชิงวัฒนธรรมผ่านความร่วมมือกับคณะทูตจาก 88 ประเทศ เชื่อว่างานนี้จะสะท้อนพลังของผ้าไหมไทยในฐานะสื่อวัฒนธรรมที่สร้างความเข้าใจและความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่น เสริมเศรษฐกิจชุมชน และต่อยอด Soft Power ไทยได้อย่างยั่งยืน” รมว.วธ. กล่าว
ทั้งนี้ งานจัดขึ้นโดยความร่วมมือของกระทรวงวัฒนธรรม สมาคมส่งเสริมผ้าไหมไทยและวัฒนธรรมไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์ร่วมกันในการยกระดับผ้าไหมไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งการจัดงานปีนี้แบ่งออกเป็น 2 ช่วง เริ่มต้นด้วย พิธีเปิด ที่จัดขึ้นในวันที่ 21 มิถุนายน 2568 ณ หอประชุมกองทัพเรือ และ นิทรรศการ ในวันที่ 25–29 มิถุนายน 2568 ณ ลาน Eden ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์สำหรับพิธีเปิดสุดอลังการ จุดประกายแฟชั่นผ้าไหมไทยสู่สากล 21 มิ.ย.68 โดยเริ่มด้วยพิธีถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี จากนั้นเป็นการแสดง แฟชั่นโชว์ชุดผ้าไหมไทย โดยได้รับเกียรติจากคณะรัฐมนตรี ผู้แทนรัฐบาลไทย เอกอัครราชทูตและคู่สมรส อุปทูต และตัวแทนสถานทูตกงสุลกิตติมศักดิ์ จาก 88 ประเทศ ที่พร้อมใจกันสวมใส่ชุดผ้าไหมไทยอันงดงาม ผ่านการแสดง 6 องก์ ได้แก่ รอยอารยะ มรดกแผ่นดินไทย เสียงแห่งผ้าไทย นาฏยมวยไทย สีสันสยาม และเสียงกลองแห่งแผ่นดิน ซึ่งสะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ผสานเข้ากับผ้าไหมไทยอย่างลงตัว
ภายในงานยังมีนิทรรศการแสดงผลงานและพิธีมอบรางวัลชนะเลิศจากการประกวดชุดผ้าไหมร่วมสมัย “The 6th Next Big Silk Designer Contest 2025” เพื่อส่งเสริมนักออกแบบรุ่นใหม่ที่สร้างสรรค์ผลงานได้ยอดเยี่ยม และ พิธีมอบรางวัลชนะเลิศการประกวดการออกแบบลายผ้าไหมร่วมสมัย รวมถึง นิทรรศการการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จากชุมชนท้องถิ่น และ การออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไหม
อย่างไรก็ตามเชิญชมนิทรรศการไหมไทย สัมผัสเสน่ห์งานดีไซน์ฝีมือคนรุ่นใหม่ 25 – 29 มิ.ย. 68 โดยเปิดโอกาสให้ผู้สนใจทั้งชาวไทยและต่างชาติได้สัมผัสกับเสน่ห์ของผ้าไหมไทยอย่างใกล้ชิดกับ แฟชั่นโชว์และนิทรรศการชุดผ้าไหมกว่า 197 ชุด ที่ออกแบบและตัดเย็บโดยนิสิตนักศึกษาจากสถาบันต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ในการต่อยอดมรดกทางวัฒนธรรม พร้อมกันนี้ ยังมี พิธีมอบรางวัลชมเชยแก่ผู้เข้ารอบสุดท้ายจากการประกวดชุดผ้าไหมร่วมสมัย “The 6th Next Big Silk Designer Contest 2025” และ พิธีมอบรางวัลการประกวดคลิปเกี่ยวกับผ้าไหมไทย บนสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้สร้างแรงบันดาลใจและสร้างการรับรู้คุณค่าของผ้าไหมไทยแก่คนรุ่นใหม่ รวมถึง การออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไหม กว่า 40 ร้านค้าจาก 4 ภาค ให้ผู้สนใจได้เลือกซื้อ
---------------
ไม่มีความคิดเห็น