Breaking News

เส้นทางท่องเที่ยว One day trip เสน่ห์ใกล้กรุง @ นครปฐม

 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมกันจัดกิจกรรม PressTour & FamTrip One day trip ครั้งที่ 2 มีชื่อว่า “เสน่ห์ใกล้กรุง@ นครปฐม”โดยมี คุณภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ ผู้ช่วยประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)และอดีตนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เป็นผู้นำการเดินทางในครั้งนี้ 

คุณภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดนครปฐมที่ คุณภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์พาคณะผู้ประกอบการและสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมดังต่อไปนี้.

1.พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ตั้งอยู่ใน ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นความตั้งใจที่ขึ้นมาจากแรงบันดาลใจของผู้สร้างสรรค์ นำโดย อาจารย์ดวงแก้ว พิทยากรศิลป์ในการสร้างสรรค์หุ่นขี้ผึ้งไทยตามแบบของมาดามทรูโซนั่นเองค่ะ ซึ่งการจะสร้างหุ่นขี้ผึ้งขึ้นมาได้นั้น มีอุปสรรครอบด้านจริงๆ ทั้ง สภาวะอากาศของประเทศไทย ฝุ่นละออง เป็นต้น




 ไฮไลท์ ของ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย

ในปี พ.ศ.2527 มีการวางโครงการจัดตั้ง พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสนี้ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย นั่นเอง ด้านในก็จะจัดแสดงหุ่นชุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี พระอริยสงฆ์ หุ่นชุดหมากรุกไทย ครอบครัวไทย ครูเพลงไทย บุคคลสำคัญของโลก ไปจนถึง การละเล่นของไทย เป็นต้น







จนในปัจจุบันนี้ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ได้จัดแสดงรูปหุ่นมากกว่า 125 รูป และก็มีการสร้างรูปหุ่นเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ถ้าใครได้ลองมาชม รับรองว่าจะต้องตกตะลึงในความเหมือนจริงนี้แน่นอน เพราะหุ่นทุกตัวเน้นรายละเอียด เหมือนจริงอย่างมาก ใครไม่อยากพลาดก็ต้องลองมาเที่ยวชมกันดู น่ะครับ

2.วัดบางพระ เดิมชื่อ วัดปากคลองบางพระ
เป็นวัดสังกัดมหานิกายในหมู่ที่ 3 บ้านท่ามะดัน ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม มีเนื้อที่วัด 31 ไร่ 1 งาน 60 ตารางวา และธรณีสงฆ์ 22 ไร่ 2 งาน 19 ตารางวา
วัดบางพระสร้างราวปี พ.ศ. 2220 ในช่วงกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ขาดหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้างวัด กรมศิลปากรพิจารณาดินเผาของพระอุโบสถ อยู่ในสมัยอยุธยาตอนกลาง ส่วนพระประธานที่เป็นพระปฏิมากรหินทรายแดงจัดให้อยู่ในสมัยอโยธยาสุพรรณภูมิ (อู่ทอง)พระอุโบสถหลังเดิมของวัด กว้างประมาณ 4 วา ยาวประมาณ 8 วา หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา ภายในพระอุโบสถหลังเดิมมีพระประธานเป็นพระปฏิมากรหินทรายแดงประทับนั่งปางมารวิชัยลงรักปิดทองหน้าตักกว้าง 30 นิ้ว (ชาวบ้านเรียก หลวงพ่อสิทธิมงคล) หน้าพระประธานเป็นพระพุทธปฏิมาประทับนั่งปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 26 นิ้วและมีพระพุทธปฏิมาประทับนั่งทางด้านขวามือองค์พระประธาน 3 องค์และทางด้านซ้าย พระอุโบสถก่ออิฐถือปูนหลังคาลด 2 ชั้น ประกอบด้วยช่อฟ้าใบระกา ที่สำคัญคือหลังคาอันมุงด้วยกระเบื้องดินธรรมดา
ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถเล่าเรื่องราวในพระพุทธศาสนาเป็นภาพเทพชุมนุมสลับกับอดีตขององค์พระพุทธเจ้า ได้รับการปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยการเขียนทับและแก้ไขเล็กน้อย พื้นเบื้องหลังใช้สีอ่อนมีดอกไม้ร่วงอันเป็นคติของอยุธยา จุดเด่นของภาพคือ ภาพมารผจญ เป็นภาพที่พระพุทธเจ้าทรงจีวรแดง ประทับนิ่งบนดอกบัวแก้วแม่ธรณีบีบมวยผมนับเป็นศิลปะแบบเก่า เป็นภาพในช่วงอยุธยาตอนกลาง มีการใช้สีเพียง 4 สี คือ ขาวดำแดงและเขียวใบแค


ยุครุ่งเรืองของวัด คือยุคของเจ้าอธิการหิ่มอินทโชโต ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลและเป็นพระอุปัชฌาย์ ยุคนี้มีการสร้างพระพุทธบาทจำลอง และได้สร้างอุโบสถหลังใหม่ในละแวกคุ้งน้ำนครชัยศรี สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2470 และเมื่อหลวง หลวงพ่อเปิ่น เป็นเจ้าอาวาสวัดบางพระ ท่านได้ทำการพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองมาเป็นลำดับ โดยได้บูรณะอุโบสถหลังใหม่ทำเป็นคอนกรีต ทั้งยังก่อสร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ มากมาย ต่อมา หลวงพ่อสำอาง ปภสฺโร ทำนุบำรุงพัฒนาวัดเรื่อยมา วัดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างพระบรมสารีริกธาตุ (จากประเทศศรีลังกา) รอยพระพุทธบาทจำลอง หลวงพ่อโต (พระประธานในอุโบสถหลังใหม่) รูปหล่อสิทธิมงคล (พระประธานในอุโบสถหลังเก่า) รูปหล่อเหมือนหลวงปู่หิ่ม หลวงปู่ทองอยู่ หลวงปู่เปลี่ยน สังขารพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ) นอกจากนี้วัดยังมีชื่อเสียงด้านการสักยันต์อีกด้วย
3.วัดอรัญญิการามหรือเดิมชื่อวัดสามง่าม เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลสามง่าม อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม


วัดสามง่าม สร้างขึ้นโดยหลวงพ่อแดงร่วมกับชาวบ้านสมัยนั้น หลวงพ่อแดงนี้เป็นลุงของหลวงพ่อเต๋ คงทอง เดิมท่านเป็นพระบวชที่วัดกาหลง จังหวัดสมุทรสาคร ได้เอาหลวงพ่อเต๋ ขณะนั้นเป็นเด็กไปอยู่ด้วย แล้วมาสร้างวัดที่บริเวณวัดดอนตูมในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเมืองร้างเก่าแก่สมัยโบราณ แต่เมื่อสร้างวัดได้ 3 ปี ประสบอุปสรรคมาก เนื่องจากอยู่ห่างไกลชุมชนและชาวบ้านไปมาไม่สะดวก ท่านจึงออกมาสร้างวัดขึ้นใหม่ที่บริเวณบ้านสามง่าม อันเป็นที่ตั้งวัดในปัจจุบัน บริเวณนี้เรียกสามง่านเพราะเดิมเป็นที่ตั้งโรงหีบอ้อยของเจ๊กไป๋ มีคลองแจงงามและคลองทุ่งรางทอง มาเชื่อมติดต่อกันเป็น 3 ง่าม แต่เมื่อโรงหีบอ้อยของเจ๊กไป๋ถูกโจรปล้นและเจ๊กไป๋ถูกโจรฆ่าตาย ที่ดินได้ร้างขาดคนดูแลลูกสาวเจ๊กไป๋จึงยกที่ดินให้แก่หลวงพ่อแดง เพื่อทำการสร้างวัด โดยได้สร้างวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2447 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2451 ในชื่อ "วัดอรัญญิการาม" ต่อมา พ.ศ. 2453 หลวงพ่อแดงได้จัดงานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิตโบสถ์หลังแรกขึ้น

วัดสามง่ามมีเกจิอาจารย์คือ หลวงพ่อแย้ม ฐายุตโต ท่านมีวิชาอาคมที่เลื่องลือ โด่งดังไปทั่วทุกสารทิศทั้งในและต่างประเทศ ท่านได้รับการยอมรับยกย่อง เกียรติคุณด้านวัตถุมงคลที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น ตะกรุดหน้าผากเสือ ตะกรุดโทน เบี้ยแก้ และที่โด่งดังมากคือ กุมารทอง

4.วัดลำพญา เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ในตำบลลำพญา อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เนื้อที่ตั้งวัด 39 ไร่ 3 งาน 10 ตารางวา ที่ธรณีสงฆ์ 1 งาน 48 ตารางวา
วัดลำพญาประกาศตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2418 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งชื่อวัดตามชื่อคลองที่ขุด ลำพญา เป็นชื่อของหมู่บ้านในสมัยที่ยังเป็นอำเภอบางปลา มณฑลนครชัยศรี ที่ได้มีประวัติเล่าไว้ว่าในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า พระยากรมท่า ได้ทำการขุดคลองบริเวณท้ายตลาดในปัจจุบันเพื่อให้จับจองที่นา ให้ชาวบ้านมีอาชีพเกษตรกรรรม แถวนี้จึงได้มีชาวบ้านแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ ชาวมอญ ที่อพยพมาจากสามโคกในปลายสมัยรัชกาลที่ 3 ตั้งบ้านเรือนอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ ทำอาชีพการเกษตรและชาวจีนซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจะทำการค้าขาย บริเวณนี้ลำพญาจึงกลายเป็นตลาด ชื่อ ตลาดน้ำลำพญา ที่ปัจจุบันยังคงมีอยู่[1] วัดมีบริการ เรือล่องแม่น้ำท่าจีน โดยมีเรือและเส้นทางให้เลือกตามชอบ เช่น เรือแจวโบราณ ออกจากหน้าวัดลำพญาไปนมัสการศาลเจ้าแม่ทับทิม


ภายในวัดมี หลวงพ่อมงคลมาลานิมิต พระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่สร้างด้วยศิลาแลง พอกปูนและปิดทองทับ วัดลำพญาได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2442[3] วัดยังมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านตลาดน้ำวัดลำพญา เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2546 เป็นสถานที่รวบรวมและเผยแพร่ ศิลปวัตถุเครื่องมือ เครื่องใช้ที่แสดงถึงวิธีชีวิตไทยริมแม่น้ำท่าจีน

5. ตลาดน้ำวัดลำพญา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนครชัยศรี หรือ แม่น้ำท่าจีน ที่นี่มีทั้งโซนตลาดสด และโซนร้านอาหาร โดยตลาดสดนั้นจะอยู่ที่ด้านนอก เราสามารถเดินชิล เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากชาวบ้าน ชาวสวนท้องถิ่นแบบสดๆ ส่งตรงจากสวนกันได้เลยทีเดียว และที่สำคัญก็คือ ราคาพืชผักต่างๆ ต้องบอกว่าถูกมากๆเลยครับถัดไปก็จะเป็นโซนแพร้านอาหาร ซึ่งจะเป็นแพริมน้ำ ที่มีร้านอาหารต่างๆ หลายร้านตั้งอยู่เรียงรายกันริมแม่น้ำยาวเป็นสิบๆแพ เราก็จะสามารถไปจับจองที่นั่งในแพริมน้ำและซื้อของอร่อยจากร้านอาหารต่างๆ มานั่งรับประทานริมแม่น้ำ สำหรับบรรยากาศในวันนี้ขอบอกว่าคึกคักมาก และความเป็นกันเองของแม่ค้าพ่อค้าทำให้ตลาดน้ำลำพญาแห่งนี้มีความน่ารักมากๆเลยครับ





นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีแพนำเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการนั่งแพพักผ่อนชมบรรยากาศริมน้ำได้เต็มที่ตลอดวัน โดยจะมีชาวบ้านคอยพายเรือให้เราได้สัมผัสบรรยากาศริมสองฝากฝั่งแม่น้ำท่าจีน

5. องค์พระปฐมเจดีย์
เป็นปูชนียสถานอันสำคัญของประเทศไทย อยู่ภายในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร มีประวัติความเป็นมายาวนาน เชื่อว่าเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระโคตมพุทธเจ้า



องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นเจดีย์ใหญ่ รูประฆังคว่ำ ปากผายมหึมา โครงสร้างเป็นไม้ซุง รัดด้วยโซ่เส้นมหึมา ก่ออิฐถือปูน ประดับด้วยกระเบื้องปูทับ ประกอบด้วยวิหาร 4 ทิศ กำแพงแก้ว 2 ชั้น ถือเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เป็นที่เคารพสักการบูชาของบรรดาพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ทางวัดกำหนดให้มีงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ในวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ถึงวันแรม 5 ค่ำ เดือน 12 รวม 9 วัน 9 คืน เป็นประจำทุกปี

- Dubua Cafe (ดูบัว คาเฟ่) คาเฟ่ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติของสระบัวที่ล้อมรอบ สถานที่ที่ไม่ไกลมากจากกรุงเทพ เป็นทั้งร้านกาแฟและแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีความสนุก ความอร่อย และความรู้แก่แขกที่มาเยือนด้วย ดูบัวคาเฟ่ ที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ที่ล้อมรอบไปด้วยสระบัวแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 54 ไร่ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม คาเฟ่แห่งนี้ไม่ได้มีดีเพียงแค่เป็นคาเฟ่ตกแต่งไว้ให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปเช็กอินเท่านั้น ทว่าที่นี่ยังเป็นที่เที่ยววิถีเกษตรควายที่มีทั้งควายที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ รวมถึงสัตว์อื่นๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิดได้ด้วย
บรรยากาศภายในดูบัวคาเฟ่ที่โอบล้อมด้วยบึงบัวกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยบัวหลากหลายสายพันธุ์ อาทิ บัวหลวงสีสวยๆ บัววิคทอเรีย หรือบัวกระด้งใบใหญ่ขนาดมหึมา โดยมีสะพานไม้ทอดยาวข้ามบึงบัวให้ได้เดินเล่นชมวิวสวยๆ กันด้วย หากมาช่วงเช้าซึ่งเป็นช่วงที่บัวบานก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่สวยงามยิ่งขึ้นไปอีกก็ได้จัดสรรพื้นที่แบ่งเป็นโซนต่างๆ อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นโซนร้านค้า ร้านอาหาร โซนเลี้ยงสัตว์ที่เปิดให้เข้าชมฟรี มีทั้งฟาร์มกระต่าย และไก่โปเเลนด์ขนปุกปุยน่ารักๆ ที่เลี้ยงแบบปล่อยอิสระ เดินไปเดินมาและคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี รวมถึงยังมีโซนของฝากที่ถูกตกแต่งแบบย้อนยุค 80's - 90's โดยสินค้าที่ขายที่ขายจะเป็นของเล่นและเมนูยุคโบราณสมัยเด็กๆ ด้วย และด้วยบริเวณที่กว้างขวางของคาเฟ่ที่ล้อมรอบไปด้วยสระบัวแห่งนี้ ที่นี่จึงมีจักรยานไว้บริการให้ใช้ปั่นไปรอบๆ ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยเมื่อปั่นเสร็จแล้วต้องนำมาคืนที่เดิมด้วย นอกจากนี้ภายในบึงบัวยังมีเรือถีบไว้ให้บริการด้วยเช่นกัน
และหัวใจสำคัญของคาเฟ่จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากเครื่องดื่มและอาหาร โดยที่ดูบัวคาเฟ่นั้นก็มีเมนูหลากหลายให้ได้ลิ้มลอง ทั้งชา กาแฟ ขนม เค้ก ไอศกรีม ในราคาที่ไม่สูงมาก โดยเฉพาะเมนูเด็ดคือ ไอศกรีมกะทิดูบัว ที่ใครมาเที่ยวที่นี่ก็จะต้องลอง ซึ่งภายในดูบัวคาเฟ่ก็จะมีร้าน Mee Me Mee เป็นร้านที่มีลักษณะเป็นอาคารเรือนกระจกสูงโปร่ง บรรยากาศกว้างขวาง ตกแต่งสวยงาม แอร์เย็นฉ่ำ และมีมุมถ่ายภาพสวยๆ เหมือนอยู่ต่างประเทศไว้เอาใจสายโซเชียลด้วย ที่นี่เองเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถจะแวะมาฝากท้องได้เมื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบๆ ดูบัวคาเฟ่กันจนอิ่มหนำและท้องเริ่มหิว


ขอบขอบคุณ
- ตุณ ภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์
- กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ไม่มีความคิดเห็น