SCGC เผยกลยุทธ์เชิงรุก ลุยเสริมแกร่งเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน เร่งพัฒนาสินค้า HVA และGreen Polymer รุดรับตลาดปิโตรเคมีในภูมิภาคช่วงฟื้นตัว
กรุงเทพฯ – 21 พฤษภาคม 2568 : เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC โดยนายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) เผยกลยุทธ์เชิงรุกระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน รับตลาดปิโตรเคมีในภูมิภาคช่วงฟื้นตัว มั่นใจพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ มุ่งเน้นพัฒนาสินค้าและบริการมูลค่าเพิ่มสูง (HVA : High Value Added Products & Services) และพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Polymer) พร้อมเร่งเดินหน้าโครงการ LSPE คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2570
นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGC เผยว่า “ตลาดปิโตรเคมีอยู่ในภาวะทรงตัว เห็นได้จากส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (Spread) ที่ค่อนข้างคงที่ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2567 จนถึงไตรมาส 1 ปี 2568 โดยสถานการณ์สงครามการค้า (Trade War) ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ส่งผลบวกในช่วงสั้นจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา มีผู้ผลิตหลายรายมีการปรับลดกำลังการผลิตลงเนื่องจากมีต้นทุนสูง ซึ่งทำให้ส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (Spread) ไม่ลดต่ำไปกว่าเดิม คาดว่าวัฏจักรปิโตรเคมีอยู่ในช่วงต่ำสุดแล้ว”
“สำหรับวัฏจักรปิโตรเคมีขาลงในรอบนี้ถือว่ารุนแรงและยาวนานกว่าปกติ เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบ อาทิ สถานการณ์โควิด 19 ความผันผวนของราคาน้ำมัน เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงผู้เล่นบางรายได้ผันตัวจากการเป็นประเทศนำเข้าสู่การเป็นผู้ผลิตและส่งออก อย่างไรก็ตาม SCGC สามารถรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้น โดยปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์อยู่เสมอ เน้นกลยุทธ์เชิงรุกทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีกลยุทธ์ระยะสั้น ได้แก่ 1) การลดต้นทุนวัตถุดิบ ลดเงินทุนหมุนเวียน และลดค่าใช้จ่ายด้วย Digital และ AI 2) เร่งพัฒนากลุ่มสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง หรือ HVA (High Value Added Products & Services) รวมไปถึงการพัฒนาพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Polymer) 3) เร่งขยายธุรกิจ Service Solutions ครบวงจร และ 4) การขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจาก PVC (PVC Fabrication) สำหรับกลยุทธ์ระยะยาว ได้แก่ การเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่โรงงาน LSP ประเทศเวียดนาม (โครงการ LSPE) เพื่อลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGC กล่าว
“สำหรับกลุ่มสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง หรือ HVA นั้น ถือเป็นจุดแข็งสำคัญของ SCGC โดยมีการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน และการใช้งานของกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น พอลิเมอร์สำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ งานโครงสร้างและวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่า แม้อยู่ในช่วงวัฏจักรปิโตรเคมีขาลงก็ตาม แต่กลุ่มสินค้า HVA ยังได้รับการตอบรับจากตลาดในภูมิภาคเป็นอย่างดี”
“นอกจากนี้ SCGC ยังเร่งพัฒนาพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ SCGC Green Polymer ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลก GRS (Global Recycled Standard) โดยใช้เทคโนโลยีรีไซเคิลขั้นสูง พร้อมกับการพัฒนาสูตรเฉพาะ (Formulation) เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย เช่น เม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงชนิดไร้กลิ่นสำหรับบรรจุภัณฑ์ เม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงสำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดย SCGC ได้ขยายความร่วมมือกับคู่ค้าและเจ้าของแบรนด์ชั้นนำอย่างต่อเนื่อง อาทิ ยูนิลีเวอร์ ไลอ้อน คาโอ เจบีพี และโฮมโปร”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGC กล่าวเพิ่มเติมว่า “SCGC ยังได้ขยายธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตและขยายฐานลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น อาทิ ธุรกิจ “Industrial Service Solutions” โดยนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีในการดูแลเครื่องจักร ต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่พัฒนาโซลูชัน“DRS by REPCO NEX” (DRS : Digital Reliability Service Solutions) เพื่อให้บริการด้านดิจิทัลโซลูชันอัจฉริยะสำหรับภาคอุตสาหกรรมแบบครบวงจรเป็นรายแรกของโลก โดยดูแลประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรแบบครบวงจร (Asset Performance Management) เช่น การซ่อมบำรุงอัจฉริยะครบวงจรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน และ ดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ช่วยบริหารจัดการพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น”“สำหรับความคืบหน้าของโครงการ LSPE นั้น เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เร่งเดินหน้าโครงการฯ โดยดำเนินการ 3 ภารกิจหลักได้สำเร็จ ได้แก่ 1) การลงนามในสัญญาระยะยาวซื้อขายก๊าซอีเทนและท่าเรือส่งออก 2) การลงนามในสัญญาเช่าเหมาเรือขนส่งก๊าซอีเทีน (VLECs) จำนวน 5 ลำ และ 3) การลงนามในสัญญาออกแบบ จัดหาและก่อสร้างถังเก็บวัตถุดิบก๊าซอีเทน ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการดำเนินการในรายละเอียดตามแผนที่วางไว้ คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2570” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGC กล่าวทิ้งท้าย
………………………………………………..
เกี่ยวกับ SCGC
เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) ผู้นำธุรกิจพอลิเมอร์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืน มีฐานการผลิตหลัก 3 ประเทศ ได้แก่ ในประเทศไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ขั้นต้น (โอเลฟินส์) ไปจนถึงขั้นปลาย ประกอบด้วย เม็ดพลาสติกหลัก 3 ประเภท คือ พอลิเอทิลีน (PE) พอลิโพรพิลีน (PP) และ พอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) มุ่งสร้างสรรค์ "นวัตกรรมเคมีภัณฑ์เพื่อทุกความเป็นได้" (INNOVATION THAT’S REAL) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ตามแนวทาง ESG โดยเน้นการพัฒนานวัตกรรมเพื่อให้ได้สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA : High Value Added Product & Service) รวมถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง Low Waste, Low Carbon อาทิ นวัตกรรมพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ Green Polymer ภายใต้แบรนด์ SCGC GREEN POLYMERTM ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ตอบรับเมกะเทรนด์ ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐาน บรรจุภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค ยานยนต์ และโซลูชันด้านพลังงาน ควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน - ข้อมูลเพิ่มเติม www.scgchemicals.com
………………………………………………..
เกี่ยวกับ SCGC
เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) ผู้นำธุรกิจพอลิเมอร์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืน มีฐานการผลิตหลัก 3 ประเทศ ได้แก่ ในประเทศไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ขั้นต้น (โอเลฟินส์) ไปจนถึงขั้นปลาย ประกอบด้วย เม็ดพลาสติกหลัก 3 ประเภท คือ พอลิเอทิลีน (PE) พอลิโพรพิลีน (PP) และ พอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) มุ่งสร้างสรรค์ "นวัตกรรมเคมีภัณฑ์เพื่อทุกความเป็นได้" (INNOVATION THAT’S REAL) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ตามแนวทาง ESG โดยเน้นการพัฒนานวัตกรรมเพื่อให้ได้สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA : High Value Added Product & Service) รวมถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง Low Waste, Low Carbon อาทิ นวัตกรรมพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ Green Polymer ภายใต้แบรนด์ SCGC GREEN POLYMERTM ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ตอบรับเมกะเทรนด์ ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐาน บรรจุภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค ยานยนต์ และโซลูชันด้านพลังงาน ควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน - ข้อมูลเพิ่มเติม www.scgchemicals.com
ไม่มีความคิดเห็น