KCG กำไรไตรมาส 1/2568 โตทะลุ 70%สัญญาณบวกโตต่อเนื่อง
KCG ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิ 122.2 ล้านบาท เติบโต 70.6% YoY โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขาย 2,036.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.1% YoY รวมถึงการบริหารต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมั่นผลประกอบการทั้งปีเติบโตต่อเนื่อง
นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KCG ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์ สัญชาติไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 มียอดขาย 2,036.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.1% และมีกำไรสุทธิ 122.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการตอบรับที่ดีทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศเติบโตทั้งช่องทางการขายให้ผู้ประกอบการ (B2B) และช่องทางการขายให้ผู้บริโภค (B2C) รวมถึงผลบวกจากยอดขายที่ดีขึ้นของสินค้าใหม่ที่บริษัทฯ นำมาทดแทนสินค้าที่ถูกตัดออกจากแผนการปรับปรุงหน่วยสินค้า (SKU Rationalization) ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จไปในช่วงไตรมาส 3/2567 ซึ่งส่งผลให้ยอดขายเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2567 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างคล่องตัว มีการปรับปรุงเครื่องจักรและกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงประโยชน์จากจากศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า KCG Logistics Park และ Solar Rooftop ส่งผลให้ยอดขายและกำไรในไตรมาส 1/2568 เติบโตได้อย่างน่าประทับใจ
(นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน))
ทั้งนี้ แม้ยังมีความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ที่สหรัฐอเมริกาประกาศปรับเพิ่มภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ต่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก แต่สัดส่วนการส่งออกของบริษัทฯ มีไม่มาก รวมถึงไม่มีการส่งออกสินค้าไปที่สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ บริษัทฯ เป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เนยและชีสในประเทศไทย มีความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจในหลากหลายด้าน และมีความสามารถในการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดรับกับความต้องการของตลาด รวมถึงสร้างความต้องการในการบริโภคในรูปแบบใหม่ๆ ในกลุ่มผู้บริโภค พร้อมทั้งมีช่องทางการจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดจนการมุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ จึงยังมีความมั่นใจในแนวโน้มผลประกอบการปี 2568 ว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ ได้ยกระดับการพัฒนาด้านความยั่งยืนให้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักขององค์กร และตั้งเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค ตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์สัญชาติไทย ซึ่งมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน นายดำรงชัยสรุป
ทั้งนี้ แม้ยังมีความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ที่สหรัฐอเมริกาประกาศปรับเพิ่มภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ต่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก แต่สัดส่วนการส่งออกของบริษัทฯ มีไม่มาก รวมถึงไม่มีการส่งออกสินค้าไปที่สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ บริษัทฯ เป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เนยและชีสในประเทศไทย มีความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจในหลากหลายด้าน และมีความสามารถในการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดรับกับความต้องการของตลาด รวมถึงสร้างความต้องการในการบริโภคในรูปแบบใหม่ๆ ในกลุ่มผู้บริโภค พร้อมทั้งมีช่องทางการจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดจนการมุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ จึงยังมีความมั่นใจในแนวโน้มผลประกอบการปี 2568 ว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ ได้ยกระดับการพัฒนาด้านความยั่งยืนให้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักขององค์กร และตั้งเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค ตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อโมเดิร์นไลฟ์สไตล์สัญชาติไทย ซึ่งมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน นายดำรงชัยสรุป
ไม่มีความคิดเห็น