Breaking News

สสส. สานพลัง 4 หน่วยงานภาครัฐ-ประชาสังคม MOU ระบบเฝ้าระวัง –ดูแลผู้ป่วยจิตเวชไร้ที่พึ่ง หลังพบตัวเลขผู้ป่วยจิตเวชไร้บ้านเพิ่มขึ้นเป็น 19% ทั้งประเทศ พร้อมเชื่อมข้อมูล สร้างกระบวนการส่งกลับ ดูแล ฟื้นฟู

 

เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2567  ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์นายแพทย์ฝน แสงสิงแก้วกรมสุขภาพจิตสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)ร่วมกับ4หน่วยงานกรมสุขภาพจิตกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ มูลนิธิกระจกเงา จัดพิธีลงนามความร่วมมือ(MOU) “การพัฒนาระบบเฝ้าระวัง และดูแลผู้ป่วยจิตเวชไร้ที่พึ่ง” เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลคนไร้ที่พึ่งคนไร้บ้านและผู้รับบริการในสถานพยาบาลและข้อมูลค้นหาย/ผู้ป่วยข้างถนนเพื่อติดตามสืบค้นประวัติ ครอบครัว และภูมิลำเนาเดิม ต่อยอดสู่การบูรณาการเพื่อป้องกันการเข้าสู่ภาวะไร้บ้านของผู้ป่วยทางจิต




นพ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวว่า จากผลการดำเนินงานดูแลและงานวิจัยผู้ป่วยจิตเวชไร้บ้าน ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กรมสุขภาพจิต มูลนิธกระจกเงา สสส. พบว่ายังมีผู้ป่วยจิตเวชไร้ที่พึ่งจำนวนหนึ่งเร่ร่อนในที่สาธารณะและขาดโอกาสเข้าถึงบริการสาธารณสุข ซึ่งมีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนพัฒนาระบบและจัดให้บริการผู้ป่วยจิตเวชกลุ่มดังกล่าวช่วยให้สามารถระบุตัวตนของผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อนในที่สาธารณะได้และนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษารวมถึงการตามหาญาติหรือส่งกลับสู่บ้านได้ดังนั้นหากทุกหน่วยได้ประสานและดำเนินงานร่วมกันจะช่วยให้ดำเนินงานมีความคล่องตัวประสานและแลกเปลี่ยนข้อมูลการดูแลผู้ป่วยจิตเวชอย่างไร้รอยต่อออกแบบระบบเฝ้าระวังและดูแลผู้ป่วยจิตเวชไร้ที่พึ่ง และร่วมผลักดันการทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อระบบบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิตเวชของประเทศไทยเกิดประโยชน์ทั้งต่อผู้ปฏิบัติงานและผู้ป่วยจิตเวชต่อไป

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า จากแจงนับสำรวจคนไร้บ้านทั่วประเทศโดย สสส.พม.จุฬาฯมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัยและภาคีเครือข่ายปี2566พบคนไร้บ้านมีปัญหาสุขภาพจิตที่เห็นได้ชัดอยู่ประมาณ19% ของทั้งประเทศ จากการทำงานของเครือข่ายด้านคนไร้บ้าน พบข้อมูลที่ตรงกันว่าคนไร้บ้านที่มีปัญหาสุขภาพจิตส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยทางจิตอยู่เดิมก่อนจะเข้าสู่ภาวะไร้บ้าน สาเหตุเกิดจากการหลุดหายจากครอบครัว และขาดกระบวนการดูแลในระยะยาว


ที่ผ่านมาสสส. และภาคีเครือข่าย ได้เน้นนวัตกรรมการฟื้นฟูส่งเสริมคนไร้บ้านให้ตั้งหลักชีวิตกลับคืนสู่ครอบครัวผ่านโมเดลต่างๆเช่นที่อยู่อาศัยคนละครึ่งสุขภาวะข้างถนน เป็นต้นและยังมีการดำเนินงานด้านการป้องกันการเข้าสู่ภาวะไร้บ้านทำให้จำนวนคนไร้บ้านเพิ่มขึ้นไม่มากแต่ความท้าทายสำคัญในปัจจุบันคือคนไร้บ้านที่มีปัญหาสุขภาพจิตที่เห็นได้ชัด มีแนวโน้มเพิ่มจากประมาณ10%ในปี 2559 มาเป็น 19% จึงจำเป็นต้องมีวิธีการทำงานเพื่อป้องกันในอีกรูปแบบพิเศษ ซึ่ง MOU ครั้งนี้ มีความสำคัญที่จะเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างมูลนิธิกระจกเงาที่ดูแลข้อมูลคนหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยทางจิตข้อมูลผู้รับบริการในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง และสถานสงเคราะห์คนพิการบ้านกึ่งวิถี ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รวมถึงข้อมูลผู้ป่วยของสถานพยาบาลสังกัดกรมสุขภาพจิตเพื่อสืบค้นประวัติ ครอบครัว ภูมิลำเนาเดิมของคนไร้บ้าน/คนไร้ที่พึ่ง สร้างกระบวนการส่งกลับดูแลและฟื้นฟูในอนาคต” นพ.พงศ์เทพ กล่าว


ไม่มีความคิดเห็น